ตระกูล”จึงรุ่งเรืองกิจ” ดัน “บดินทร์ธร” นั่งแท่นแทน “ สกุลธร” ปั้น เรียลแอสเสท เข้าตลาดหลักทรัพย์ปี 62 ดึงสิงคโปร์ร่วมทุน ผุดคอนโด พร้อมลุยธุรกิจโรงแรม สร้างรายได้ประจำ ตั้งเป้าอีก 2 ปี รายได้ทะลุ 3,500 ล้านบาท
นายบดินทร์ธร จึง รุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด “กล่าวว่า มีแผนที่จะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในปี 2562 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับกระบวนการทำงานภายใน รวมทั้งหาผู้ร่วมทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งจะทำให้สามารถทำยอดรายได้เพิ่มมากขึ้น ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นปีละ 20 % โดยในปี 2562 ตั้งไว้ที่ 2,900 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 3,500 ล้านบาทในปี 2563 โดยผู้ร่วมทุนที่มีการเจรจาขณะนี้เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาฯระดับ 1 ใน 3 ของประเทศสิงคโปร์
การร่วมทุนนอกจากจะช่วยเรื่องของแหล่งเงินทุนแล้ว ยังได้ในเรื่องของเทคโนโลยี การออกแบบ และฐานลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะสร้างรายได้ประจำ ด้วยการลงทุนในธุรกิจโรงแรม โดยในเบื้องต้นจะลงทุนซื้อโรงแรมระดับ 3 ดาว ขนาดประมาณ 100 ห้อง ราคา 200 ล้าน+-
นายบดินทร์ธร กล่าวต่อไปว่า ได้เข้ามารับตำแหน่งแทนนาย สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ 3-4 เดือนแล้ว โดยก่อนหน้านี้ เคยทำงานอยู่ที่ธนาคารทหารไทย หรือ TMB ซึ่งต่างจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ประสบการณ์จากที่ทำงานเก่าก็สามารถนำมาปรับใช้ได้ในเรื่องของกระบวนการทำงาน การติดต่อสื่อสาร การบริหารคน ส่วนที่ต้องเรียนรู้ใหม่คือ เรื่องการก่อสร้าง การบริหารต้นทุนที่มีข้อย่อยอยู่มากมาย ต้องเลือกว่าอะไรดีที่สุด และการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยกว่า 7 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาโครงการไปกว่า 10 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 12,800 ล้านบา
ส่วนแผนการพัฒนาโครงการในปีนี้ ล่าสุดได้เปิดโครงการ AESTIQ Thonglor คอนโดมิเนียมระดับ Ultimate Luxury สูง 40 ชั้น จำนวน 203 ยูนิต ขนาด33-297 ตารางเมตร มูลค่าโครงการรวม 4,200 ล้านบาท บนถนนทองหล่อ ซึ่งเป็นทำเลในฝันของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็น Young Successor กำหนดเปิดขายในวันที่ 8-9 กันยายน นี้ ในราคาเริ่มต้น 8.99 ล้านบาท เจาะกลุ่มเป้าหมายทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่คาดว่าจะซื้อมากกว่า 10 % โดยหลังจากเปิดพรีเซลจะนำโครงการไปโรดโขว์ที่ฮ่องกง โดยจะมีการจับมือกับเอเจนท์ในฮ่องกงให้ช่วยจำหน่าย
ทำเลย่านทองหล่อ-เอกมัย ครึ่งปีหลังจะมีโครงการเปิดใหม่อีก 8-10 โครงการ ในขณะที่โครงการ AESTIQ Thonglor ขายในราคา 8-9 ล้านบาท เมื่อเทียบกับโครงการที่ตั้งอยู่ต้นซอยที่ขายอยู่ในราคา 300,000 บาท/ตารางเมตร ทำให้มั่นใจว่าจะทำยอดขายได้ถึง 50 % ก่อนสิ้นปีนี้ โดยปีนี้ตั้งเป้าขายไว้ที่ 3,400 ล้านบาท ส่วนรายได้ตั้งไว้ที่ 1,867 ล้านบาท โดยในเดือนสิงหาคมนี้จะเปิดอีก 1 โครงการ เป็นบ้านแฝด แบรนด์ Sense เนื้อที่ 30 ไร่ ในย่านสายไหม ขนาด 35 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 4-5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 630 ล้านบาท
ทิศทางธุรกิจ จะพัฒนาปีละ 2 โครงการ เป็นแนวราบและแนวสูง อย่างละ 1 โครงการ โดยขณะนี้มีที่ดินเพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการแนวราบแล้ว 2 โครงการ ในย่านลำลูกกาคลอง 5 จำนวน 86 ไร่ และกิ่งแล้ว 150 ไร่ โดยมีแผนจะพัฒนาในปีหน้า ส่วนแนวสูงขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน
สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรก มีมูลค่าการโอน 110,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดย 50 % เป็นคอนโดมิเนียม อีกเกือบ 40 % เป็นทาวน์โฮม โดยในส่วนของย่านสุขุมวิทตอนกลาง มีโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายอยู่ 66 โครงการ จำนวน 19,000 ยูนิต และสามารถขายไปได้แล้ว 80-90 % ที่เหลือคาดว่าจะขายได้หมดใน 1 ปี