อีสเทอร์น สตาร์ (ESTAR) เผยแผนปี 62 เตรียมเปิดใหม่อีก 3-5 โครงการ มูลค่า 2-3พันล้านบาท เดินหน้าพัฒนาในพื้นที่บ้านฉางต่อเนื่อง หลังทำยอดขาย แตะ 360 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 90% พร้อมตั้งเป้ายอดขายตลอด 3 ปีข้างหน้าจะเติบโตมากกว่า 20% ต่อปี รับ EEC ขยายตัวต่อเนื่อง
ดร.ต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิสเทอร์น สตาร์ (ESTAR) เปิดเผย ถึงแผนการดำเนินธุรกิจปี 2562 ว่าจะเปิดโครงการใหม่ 3-5 โครงการ รวมมูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม โดยเป็นโครงการบ้านเดี่ยวในพื้นที่ของสนามกอล์ฟ อีสเทอร์น สตาร์ คันทรีคลับ แอนด์ รีสอร์ท จังหวัดระยอง 2 โครงการ โดยรายได้ปีนี้ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 2,000 ล้านบาท เล็กน้อย ในขณะที่ Backlog ขณะนี้มีเกือบ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนยอดขาย 9 เดือนทำได้ 1,013 ล้านบาท จากที่ตั้งไว้ทั้งปี 2,700-2,800 ล้านบาท
ระยองเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยศักยภาพ และมีความพร้อมที่ จะก้าวขึ้นเป็นเมืองหลักของประเทศที่มีการลงทุนจากต่างชาติมากที่สุด ทำให้ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยเติบโต อย่างรวดเร็ว โดยในปี 2560 มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย 221 โครงการ รวมเกือบ 3.1 หมื่นยูนิต ขณะที่ราคา ที่ดินก็มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับอำเภอบ้านฉางซึ่งถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ยุทธศาสตร์ของระยอง เพราะ มีการคมนาคมที่สะดวก อยู่ใกล้ทั้งสนามบินอู่ตะเภา และโครงการสำคัญต่างๆ ในอนาคต ทั้งรถไฟความเร็วสูง และมอเตอร์เวย์ ทำให้มีโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายเป็นจำนวนมld
ESTAR พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยองมาตั้งแต่ปี 2532 ถึงปัจจุบันรวม 14 โครงการ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย 4 โครงการ ได้แก่ Vintage Home Village 3, Hamlet 3, Promp @ Sintavee Garden ทั้ง 3 โครงการนี้คาดว่าจะสามารถปิดการ ขายได้ภายในสิ้นปีนี้ ส่วนอีกโครงการคือ Velana Golf House โครงการบ้านเดี่ยวในสนามกอล์ฟที่เพิ่งเปิดตัว เมื่อต้นปีนี้ ซึ่งจากการตอบรับที่ดีเกินคาดทำให้ปัจจุบันปิดการขายเฟสแรกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ยังมี หน่วยธุรกิจซีสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ ให้บริการบ้านเดี่ยวและอพาร์ทเม้นท์ให้เช่า รวมทั้งบริการโรงแรม ซึ่งตั้งอยู่ภายใน พื้นที่ของสนามกอลฟ์ อีสเทอร์น สตาร์ คันทรีคลับ แอนด์ รีสอร์ท
สำหรับภาพรวมของการดำเนินงานที่ระยอง บริษัทฯ คาดว่าจะมียอดขายทั้งปีมากกว่า 360 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 2 เท่าจาก 188 ล้านบาท ในปี 2560 และตั้งเป้า ยอดขายตลอด 3 ปีจากนี้จะเติบโตไม่น้อยกว่า 20% ต่อปีอย่างต่อเนื่อง ตอบรับการขยายตัวของ EEC”
ดร.ต่อศักดิ์ กล่าวต่อว่า “จุดแข็งของ ESTAR คือทำเลที่ตั้งของโครงการในสนามกอลฟ์ที่มีศักยภาพสูง อยู่ใกล้ถนน สุขุมวิท ห่างจากมอเตอร์เวย์สายพัทยา-มาบตาพุดที่จะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบในปี 2563 เพียง 2 กิโลเมตร และอยู่ ไม่ไกลจากสนามบินอู่ตะเภาและนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ทั้งยังมีโครงการด้านการคมนาคมขนส่ง และเมกะ โปรเจกต์สำหรับ EEC ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ซึ่งมีกำหนดจะสร้างแล้วเสร็จในปี 2566 โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นเมืองการบิน โครงการศูนย์ซ่อม อากาศยานอู่ตะเภา และโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ซึ่งมีความชัดเจนขึ้นแล้ว ทำให้โครงการ ที่อยู่อาศัยของ ESTAR ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น ทั้งจากลูกค้าในพื้นที่ ผู้คนที่เข้ามาทำงานใน EEC นักลงทุน นักท่องเที่ยว และชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้”
“นอกจากนี้ ESTAR ได้เตรียมความพร้อมสำหรับการขยายตัวของ EEC โดยเริ่มจากการปรับปรุงทัศนียภาพรอบ สนามกอล์ฟ เพื่อรองรับนักธุรกิจ นักท่องเที่ยว และลูกค้าโครงการโดยรอบ ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ทั้งยังได้ปรับปรุง ผลิตภัณฑ์บ้านให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น เนื่องจากลูกค้าของ ESTAR มีความหลากหลาย จึงต้องให้ ความสำคัญกับดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอกและฟังก์ชั่นการใช้งาน โดยคำนึงถึงระดับราคาของผลิตภัณฑ์ให้เหมาะ สมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม รวมทั้งทบทวนศักยภาพของแลนด์แบงค์ที่จะพัฒนาต่อไปในอนาคต บริษัทฯ ยังได้เพิ่มช่องทางโปรโมทโครงการต่างๆ ผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้รับทราบข้อมูลผลิตภัณฑ์ และโปรโมชั่นต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังได้ยกระดับมาตรฐานในส่วนของโรงแรมและอพาร์ทเม้นท์ ด้วยการ ปรับปรุงห้องพักให้มีความทันสมัย สวยงาม เพื่อรองรับการพักอาศัยทั้งระยะสั้นและระยะยาว ทั้งยังผสานงาน บริการเข้ากับในส่วนของสนามกอล์ฟอีกด้วย และสุดท้าย บริษัทฯ ได้ปรับปรุงคุณภาพงานด้านบริการหลังการขาย ด้วยระบบ Star Care/Star Service หรือศูนย์บริการสำหรับลูกค้าแจ้งขอรับบริการซ่อมแซมผ่านแอพพลิเคชั่น ซึ่งจะมีช่างผู้เชี่ยวชาญสแตนด์บายตลอด 24 ชั่วโมง”
“ESTAR เป็นดีเวลอปเปอร์ที่เติบโตขึ้นจากบ้านฉาง เป็นแบรนด์ที่ลูกค้าที่ระยองให้ความเชื่อมั่นมาอย่างยาวนาน มีทีมงานที่มีความรู้ความเข้าใจในพื้นที่และความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีแลนด์แบงค์ที่พร้อมจะ พัฒนาโครงการใหม่ๆ ขึ้นมาได้ทันที การมาถึงของ EEC จะช่วยสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้กับบริษัทฯ ทั้งยังจะ ช่วยเปิดโอกาสให้บริษัทฯ ได้ใช้จุดแข็งและข้อได้เปรียบที่มีได้อย่างเต็มที่ในการขยายตลาดไปยังพื้นที่อื่นๆ เพื่อเข้า ถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ได้มากขึ้น” ดร.ต่อศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย