ในโลกที่สังคมและธุรกิจสามารถพลิกผันไปอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยี เราจำเป็นต้องตามเทคโนโลยีให้ทัน แต่ถ้าจะเอาชนะคู่แต่ แค่ตามให้ทันไม่เพียงพอ จะต้องก้าวข้ามขึ้นมาเป็นผู้นำ จึงเป็นที่มาของ AP WORLD-A New Vision of Quality of Life การสร้างพิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัย ไม่ใช่แค่เพียงสร้างขึ้นมาแล้วก็ขายๆๆๆๆ
AP WORLD-A New Vision of Quality of Life
“การจะได้มาซึ่ง Quality of life จำเป็นต้องมีตัวช่วยขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ต้องการ เอพีฯจึงได้เปิด 3 ธุรกิจใหม่ VAARI (วาริ)มีทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ที่จะสร้างเทคโนโลยีมาช่วยสร้างระบบนิเวศ สนับสนุนการบริหารจัดการให้ชีวิตมีคุณภาพที่ดี โดยขณะนี้ได้มีการพัฒนาแอพพิเคชั่นไปแล้วระดับหนึ่ง พร้อมกับดึงพันธมิตรมาร่วมด้วย
CLAYMORE (เคลย์มอร์) ตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ทำหน้าที่หาและสร้างโปรดักส์ตอบโจทย์ ซิตี ออก ไลฟ์ ที่ลูกค้าต้องการและยังไม่มีใครค้นพบให้ลูกค้า ด้วยทีมงานที่คอยทำหน้าที่ Innovation Lab ต่อยอดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เดิมไปสู่ธุรกิจใหม่ โดยมีเป้าหมายให้นวัตกรรมที่คิดค้น จับต้องได้ และใช้งานได้จริง
SEAC มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท ทำหน้าที่เป็นศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน ด้วยการปฎิวัติการเรียนรู้ของคนในองค์กร และสังคม ด้วยกระบวนการใหม่ๆ ให้มีความรู้ ความสามารถของคนให้ทันกระแส เหมาะสมกับสังคมยุคปัจจุบัน โดยหลักสูตรที่จะใช้ในการสอนได้รับความร่วมมือกับ Stanford University
3 ธุรกิจใหม่จะเป็นรูปเป็นร่างพร้อมเปิดตัวได้ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ช่วยสร้างรายได้ให้กับ เอพี (ไทยแลนด์) 6,000 ล้านบาทในปี 2565 และช่วยผลักดันให้ เอพีฯมีรายได้โดยรวม 60,000 ล้านในปีเดียวกันนั้น”นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกดั (มหาชน) กล่าว
ปี 62 เปิดใหม่ 39 โครงการ
นอกจากการเปิด 3 ธุรกิจใหม่แล้ว เอพีฯยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่อีก 39 โครงการในปี 2562 รวมมูลค่า 56,800 ล้านบาท เป็นโครงการแนวสูง 5 โครงการ โดยใน 5 โครงการนี้เป็นโครงการร่วมทุน 3 โครงการมูลค่า 18,300 ล้านบาท โครงการแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์อีก 34 โครงการ ซึ่งทุกโครงการ เอพีฯมีที่ดินไว้พร้อมเพื่อการพัฒนาแล้ว โดยโครงการทั้งหมดอยู่ในเขตกรุงเทพฯปริมณฑล ตั้งเป้ายอดขายเติบโตจากปีที่ผ่านมา 41,300 ล้านบาท อีก 5-10 % และคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปี 2561 อีก 15 % โดยปีนี้มีการตั้งงบเพื่อการซื้อที่ดินไว้ 9,500 ล้านบาท
รายได้เข้าเป้าขึ้นแท่นอันดับ 2
ผลประกอบการในปี 2561 นายอนุพงษ์ กล่าวว่า คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมเติบโตขึ้นประมาณ 30 % จากปีก่อน ส่งผลให้เอพี ไทยแลนด์ ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีรายได้สูงสุดของเมืองไทย การเติบโตแบบสวนกระแสของเอพีเป็นผลมาจากความสำเร็จในทุกธุรกิจที่เอพีฯดำเนินการอยู่ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในสินค้าทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม ต่างได้รับ การตอบรับที่ดีจากตลาด สะท้อนได้ทั้งจากยอดขายและการโอนกรรมสิทธิ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
ในขณะที่ธุรกิจอื่นๆ ในเครือเอพี ทั้ง ธุรกิจ Property Agent ภายใต้ชื่อ ‘BC (บีซี)’ ที่ให้บริการรับฝากขาย ฝากเช่าอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบ และไม่ได้จำกัดอยู่ที่สินค้าของเอพีเพียงอย่างเดียว มีผลการดำเนินงานที่เติบโตแบบก้าวกระโดด มีอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อ-ขาย-เช่า ผ่าน บีซี รวมมูลค่าสูงกว่า 12,000 ล้านบาทก้าวขึ้นเป็น Property Agent อันดับ 1 ของประเทศ และธุรกิจ Property Management ภายใต้ชื่อ ‘SMART (สมาร์ท)’ เป็นธุรกิจบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ส่งผลให้วันนี้ สมาร์ทได้รับความไว้วางใจให้เข้าบริหารจัดการคุณภาพชีวิตในโครงการต่างๆ ที่ไม่ใช่แต่เฉพาะเครือเอพีกว่า 55,000 ครอบครัว ในกว่า 200 โครงการ ซึ่งก้าวต่อไปทั้งสองบริษัท ‘บีซีและสมาร์ท’ จะยังคงเดินหน้าขยายขอบเขตการให้บริการเพื่อเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง”
รางวัลการันตีคุณภาพ
นอกจากความสำเร็จทางด้านยอดขายแล้ว เอพี ไทยแลนด์ ยังคว้ารางวัลทั้งในประเทศและระดับนานาชาติมาครองไว้ถึง14 รางวัล อาทิ บริษัทผู้ทรงอิทธิพลแห่งเอเชียประจำปี 2018’ จากเวที The Asia Corporate Excellence & Sustainability Awards (ACES) ประเทศสิงคโปร์, ‘ที่สุดของบริษัทพัฒนาคอนโดมิเนียมยอดเยี่ยมแห่งเอเชียประจำปี 2018’ จากเวที Property Guru Asia Property Awards 2018 และได้รับการจัดอันดับให้เป็น ‘The Most Admired Company 2018’ องค์กรพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ในใจผู้บริโภคประจำปี 2018 อีกด้วย