LPN ปรับแผนรีแบรนดิ้ง สร้างบ้านที่”พอดี” กับการใช้ชีวิตจริงภายใต้แนวคิด”ความพอดี ที่ดีกว่า” เจาะกลุ่ม เจน “วาย” พร้อมส่งหนังสั้น DreamHome สื่อสารถึงกลุ่ม่เป้าหมายด้วยงบ150 ล้านบาท รวมทั้งการเปิดโครงการใหม่อีก 10 โครงการในช่วง6 เดือนจากนี้ ทั้งบ้านและคอนโด มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท แจงไตรมาส 4 มีเป้าหมายการโอนใน 7 โครงการ รวม8,502 ล้านบาท
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน)(LPN) เปิดเผยว่า เป็นอีกครั้งหนึ่งในรอบ 10 ปีที่บริษัททำการรีแบรนด์ ทีีไม่ใช่แค่ชุมชนน่าอยู่เท่านั้น แต่เป็น”ความพอดี ที่ดีกว่า” เพื่อให้บ้านของLPNเป็นบ้านที่พอดีที่สุดกับการอยู่อาศัยในชีวิตจริง ทั้งในเรื่องของการออกแบบ การใช้ชีวิต และการบริการ เพื่อนจับกลุ่มลูกค้าเจนวาย เนื่องจากในอดีตเมืี่่อ10ปีที่ผ่านมากลุ่มลูกค้่าของLPN เป็นกลุ่ม อายุ45ปีขึ้นในขณะที่ปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นเจนวายอายุ 35 ปีมากขึ้นและในอนาคตกลู่มลูกค้าจะมีอายุที่น้อยลงไปอีก เนื่องจากคนทำงานรุ่นใหม่จะเปลี่ยนพฤติกรรมจากการเริ่มต้นด้วยการซื้อรถยนต์เป็นซื้อบ้าน ด้วยการเดินทางที่สะดวกของรถไฟฟ้า
พร้อมกันนี้ได้ออกโฆษณา Dream Home เพื่อสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านช่องทางออนไลน์และสื่อต่างๆ ตั้งเป้าชม 100 ล้านวิว เริ่มเผยแพร่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยมีการใช้งบ 150 ล้านบาท เพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์การรีแบรนด์รวมถึงการเปิดโครงการใหม่หลังจากนี้ในช่วง 6 เดือน ตั้งแต่ปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าจำนวน 10 โครงการรวมมูลค่ากว่า16,000 ล้านบาท
แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 5 โครงการรวมมูลค่า 11,050 ล้านบาท ประกอบด้วย ย่านเตาปูน คอนโด High Rise เปิดตัวปีนี้ จำนวน 800 ยูนิต มูลค่า 1,900 ล้านบาท,แจ้งวัฒนะ ซอย 10 คอนโด Low Rise เปิดตัวปีนี้ จำนวน 476 ยูนิต มูลค่า 600 ล้านบาท, แจ้งวัฒนะ ซอย 17 คอนโด High Rise เปิดตัวปี 2563 อาคารด้านหน้าจำนวน 719 ยูนิต มูลค่า 1,600 ล้านบาท และอาคารด้านหลังจำนวน 788 ยูนิต มูลค่า 1,450 ล้านบาท, ย่านเอกชัย แถวเซ็นทรัลพระราม 2 คอนโด Low Rise เปิดตัวปี 2563 จำนวน 2,293 ยูนิต มูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท,โครงการ ลุมพินี มิกซ์ นราธิวาส-รัชดา คอนโด High Rise เปิดตัวปี 2563 มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาทและโครงการในอนาคตที่อยู่ระหว่างการเจรจา
บ้านพักอาศัย 5 โครงการรวมมูลค่าประมาณ 5,420 ล้านบาท ประกอบด้วย ย่านพหลโยธิน 54/1 ห่าง BTS สะพานใหม่ (ในอนาคต) ระยะทาง 3 กม. จำนวน 253 แปลง มูลค่า 880 ล้านบาท, ย่านลาดกระบัง ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิ 4 กม. จำนวน 400 แปลง มูลค่า 1,250 ล้านบาท, Baan 365 ย่านเมืองทองธานี จำนวน 182 แปลง มูลค่า 1,890 ล้านบาท, ย่านสุขุมวิท 113 บ้านแฝด 2 ชั้น และบ้านทาวน์โฮมจำนวน 133 แปลง มูลค่า 750 ล้านบาท, ย่านท่าข้าม-พระราม 2 บ้านแฝด 2 ชั้น 108 แปลง มูลค่า 650 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวในไตรมาส 4 จำนวน5โครงการมูลค่า4, 000-5,000 ล้านบาท เป็นบ้าน 3 โครงการ คอนโดมิเนียม 2 โครงการ
นอกจากนี้ LPN มีเป้าหมายในการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดพักอาศัยและบ้านพักอาศัยในไตรมาส 4 ได้แก่ลุมพินี พาร์ค วิภาวดี-จตุจักร มูลค่า 2,000 ล้านบาท, ลุมพินี เพลส รัชดา-สาธุ มูลค่า 1,620 ล้านบาท, ลุมพินี ซีเล็คเต็ดซีเล็คสุทธิสาร-สะพานควาย มูลค่า 1,265 ล้านบาท,ลุมพินี วิลล์ สุขสวัสดิ์-พระราม 2 มูลค่า 720 ล้านบาทลุมพินี พาร์ค พหล 32 มูลค่า 1,867 ล้านบาทบ้านพักอาศัย มูลค่า 530 ล้านบาท,ฺฺฺBaan 365 มูลค่า 500 ล้านบาท
นายโอภาสกล่าวต่อว่า “แผนธุรกิจในปีนี้ได้กระจายฐานรายได้ออกหลายๆ ส่วนเพื่อลดความเสี่ยง โดยยังคงรักษารายได้จากการสร้างและขายอาคารชุดพักอาศัยปีละหมื่นล้านบาท รวมถึงขยายการเติบโตของโครงการบ้านพักอาศัยอย่างน้อย 50% ของอาคารชุดพักอาศัย เมื่อรวมกับรายได้จากธุรกิจบริการอื่นๆ ก็เชื่อว่าจะสร้างรายได้และการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้กับบริษัทได้อย่างแน่นอน