“บีทีเอส-แสนสิริ” พร้อมส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ ภายใต้ความร่วมมือ ‘บีทีเอส-แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป’ 4 โครงการรวดในไตรมาส 4 ปี2562กับ ‘เดอะ เบส เพชรเกษม’ ‘เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101’, ‘เดอะ ไลน์ พหลฯ-ประดิพัทธ์’ และ ‘คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค’ชี้การตอบรับดีทุกโครงการและกวาดยอดขายรวมแล้วกว่า 11,500 ล้านบาท มั่นใจ! เคาะกำไรรวมสิ้นปีโครงการความร่วมมือบีทีเอส-แสนสิริตามเป้าที่ 1,000 ล้านบาทและยอดพรีเซลส์แบ็กล็อกรอโอนปี 2562- 2565 รวมกว่า 17,500 ล้านบาท
นางสาวปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บมจ. ยู ซิตี้ซึ่งเป็นบริษัทในเครือกลุ่มบริษัทบีทีเอส ที่ดูแลธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ได้รับโอนโครงการความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัทบีทีเอสและแสนสิริ เข้ามาในพอร์ตเมื่อปี 2561 ปัจจุบันมีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมตามดีมานด์และสภาวะตลาดร่วมกัน 14 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 50,000 ล้านบาทและมียอดขายรวม ณ ปัจจุบันที่ 35,000 ล้านบาทหรือกว่า 70%ของยอดขายทั้งหมด อันรวมถึง 4 โครงการภายใต้แบรนด์ ‘เดอะไลน์ (THE LINE)’ , ‘เดอะเบส (THE BASE)’ และ ‘คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค (KHUN by YOO inspired by Starck)’ ที่เตรียมส่งมอบให้กับลูกค้าในไตรมาส 4 ปีนี้ด้วย ซึ่งถือว่ายอดขายและการเปิดตัวโครงการเป็นไปได้ตามเป้าหมายที่วางไว้แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันจะผันผวน ทั้งนี้ ด้วยยอดพรีเซลส์แบ็กล็อกสำหรับโครงการร่วมทุนที่มีร่วมกัน 17,500 ล้านบาทที่เตรียมส่งมอบในปี 2562 ถึง 2565 เราเชื่อว่าจะสามารถนำมาสู่กำไรของโครงการร่วมทุนระหว่าง ยู ซิตี้ และแสนสิริ ได้กว่า 1,000 ล้านบาทได้ในปีนี้
นางสาววรางคณา อัครสถาพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานการเงินและพัฒนาธุรกิจใหม่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยว่า “บริษัทร่วมทุน ‘บีทีเอส-แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป’เตรียมส่งมอบคอนโดพร้อมอยู่บนทำเลศักยภาพติดแนวรถไฟฟ้ารอบกรุงเทพฯ 4 โครงการ ได้แก่ ‘เดอะ เบส เพชรเกษม (THE BASE Phetkasem)’ คอนโดใจกลางย่านชุมชนของเพชรเกษม-บางแค ‘เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 ‘เดอะ ไลน์ พหลฯ-ประดิพัทธ์,‘คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค โดยยอดขายพร้อมโอนปีนี้ของทั้ง 4 โครงการรวมมูลค่าสูงกว่า 11,500 ล้านบาท”
โครงการ เดอะ เบส เพชรเกษม หลังจากเปิดตัวไปแล้ว มียอดขายทะลุเป้า 80% หรือราว 1,600 ล้านบาท ซึ่งกว่า 60% ของยอดขายเป็นผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยจริง สะท้อนเรียลดีมานด์ของผู้ซื้อนอกจากนี้พื้นที่บริเวณเพชรเกษมยังมีราคาที่ดินที่เติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2019 ราคาที่ดินซื้อขายกันอยู่ที่ 300,000 -350,000 บาท/ตารางวา โดยอัตราผลตอบแทนที่ได้จากการปล่อยเช่า คาดว่าจะได้ที่ประมาณ 4.5% ต่อปี ทั้งนี้ หลังจากการจัดกิจกรรมตรวจรับมอบห้องเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา มีลูกค้าเข้าตรวจรับแล้วกว่า 150 ยูนิต
เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 กวาดยอดขายไปสูงกว่า 65% หรือกว่า 3,000 ล้านบาท โดยอุปทานคอนโดมิเนียมปี 2019 บนบริเวณพื้นที่สุขุมวิท 101 อยู่ที่ 8,517 ยูนิต และพบอัตราการตอบรับของอุปสงค์ ในปัจจุบันอยู่ที่ 7,531 ยูนิตหรือคิดเป็น 88% ของอุปทาน นอกจากนี้ทำเลสุขุมวิท 101 ราคาที่ดินเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2019 ราคาที่ดินซื้อขายกันอยู่ที่ 500,000 –550,000 บาท/ตารางวาซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมาอยู่ 10% กลุ่มลูกค้าในโซนนี้ถือได้ว่าเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ ด้วยวัตถุประสงค์ของการซื้อเพื่อการอยู่อาศัยมีจำนวนเพิ่มขึ้น สืบเนื่องจากมีการขยายตัวของแหล่งงาน เพิ่มมากขึ้นในบริเวณดังกล่าว ทั้งอาคารสำนักงานหลายแห่งที่สร้างเสร็จและเปิดตัวไปในช่วง 1-3 ปี รวมถึงการเปิดตัวของแหล่งไลฟ์สไตล์ใหม่ในบริเวณนั้นด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าวยังส่งผลให้ตลาดนักลงทุนที่ซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อลงทุนปล่อยเช่าคึกคักและน่าสนใจมากขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนที่ได้จากการปล่อยเช่าคอนโดมิเนียมภายในโซนยังให้ผลตอบแทนที่สูงถึง 5% ทั้งนี้ ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าตรวจรับมอบห้องถึงกว่า 250 ยูนิตภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์หลังการให้ตรวจรับมอบโครงการได้
เดอะ ไลน์ พหลฯ-ประดิพัทธ์ ขายได้กว่า 70% หรือกว่า 4,100 ล้านบาท โดยในปี 2019 อุปทานคอนโดมิเนียมบนพื้นที่บริเวณพหลโยธิน อยู่ที่ประมาณ 4,400 ยูนิต ส่วนอุปสงค์อยู่ที่ประมาณ 3,400 ยูนิต หรือมีอัตราการตอบรับที่ประมาณ 78% นอกจากนี้ราคาที่ดินในทำเลสะพานควาย-พหลโยธิน ยังคงเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2019 ราคาที่ดินซื้อขายกันอยู่ที่ 800,000-1,000,000 บาท/ตารางวา ขณะที่อัตราผลตอบแทนที่ได้จากการปล่อยเช่า คาดว่าจะได้ที่ประมาณ 4.5% ต่อปี โดยโครงการจะสร้างเสร็จพร้อมอยู่และให้ลูกค้าตรวจรับมอบห้องได้ในต้นเดือนพฤจิกายนนี้
‘คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์คมูลค่า 4,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายกว่า 70% หรือ 2,800 ล้านบาท และจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ในเดือนพฤศจิกายนเช่นกัน และด้วยศักยภาพทางทำเลของทั้ง 4 โครงการที่บีทีเอสและแสนสิริได้พัฒนาร่วมกัน โดยคำนึงถึงดีมานด์และสภาพของตลาด ซึ่งในปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้เข้าสู่ยุคเรียลดีมานด์ เรามั่นใจว่าผลกำไรในปีนี้ของโครงการจากความร่วมมือกันระหว่างบีทีเอสและแสนสิริจะเป็นไปตามเป้าที่ 1,000 ล้านบาท”