เอพี ไม่หวั่นสต็อกคอนโดฯ แจงขายได้ 70-80 ล้านบาทต่อสัปดาห์ เตรียมเปิดใหม่อีก 4 โครงการ รวมมูลค่า 12,000 ล้านบาท จากแผนการเปิดใหม่ทั้งหมด 37 โครงการ พร้อมบุกตลาดแนวราบต่างจังหวัด ปักหมุดนครศรีธรรมราช ใช้เป็นกรณีศึกษาตลาดในต่างจังหวัด ตั้งเป้าขายปี 63 จำนวน 33,500 ล้านบาท
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ เอพี ไทยแลนด์ กรุ๊ป กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีแห่งการพัฒนาแนวราบ มีคู่แข่งเข้ามาในตลาดแนวราบมากขึ้น โดยใน ปี 2563 บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนทั้งสิ้น 37 โครงการ มูลค่ารวม 47,150 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสินค้าแนวราบจำนวน 33 โครงการ มูลค่ารวม 35,050 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 12,100 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดตัวในครึ่งปีแรกจำนวน 19 โครงการ มูลค่าประมาณ 23,290 ล้านบาท เป็นแนวราบ 17 โครงการ มูลค่า 17,790ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ 33,500 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทฯ มีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จเตรียมส่งมอบจำนวน 4 โครงการ โดยเป็น 2 โครงการร่วมทุน คือ LIFE ลาดพร้าว มูลค่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงเดือนเมษายนเป็นต้นไป LIFE อโศก-พระราม 9 มูลค่า 9,800 ล้านบาท พร้อมโอนฯ ช่วงไตรมาส 3 ของปี โดยทั้ง 2 โครงการมียอดขายไปแล้วทั้งสิ้น 93% และคอนโดเอพีอีกจำนวน 2 โครงการ คือ ASPIRE สุขุมวิท-อ่อนนุช มูลค่า 1,600 ล้านบาท เริ่มโอนเดือนกุมภาพันธ์นี้ และ ASPIRE อโศก-รัชดา มูลค่า 2,900 ล้านบาท เริ่มโอนประมาณไตรมาส 3 ของปี และตั้งเป้ารายได้รวม 100% โครงการร่วมทุนที่ 40,550 ล้านบาท
ณ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้รวมโครงการร่วมทุน (Backlog) มูลค่ามากถึง 51,987 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 8,387 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียม มูลค่า 43,601 ล้านบาท (แบ่งเป็นคอนโดเอพี มูลค่า 4,328 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ ในปีนี้ประมาณ 2,792 ล้านบาท และเป็นโครงการร่วมทุน มูลค่า 39,273 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปีนี้ ประมาณ 13,768 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566
สต็อกคอนโดที่มีอยู่ไม่น่าจะมีปัญหาเมื่อดูจากอัตราการขายที่สามารถทำได้ 70-80 ล้านบาทต่อสัปดาห์ ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าชาวไทยให้ความสนใจซื้อคอนโดที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่สอบถามเข้ามา เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นที่ไม่ให้ผลตอบแทนเหมือนที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนมองหาการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แทน โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่
นายวิทการ กล่าวต่อไปว่า ปีนี้จะเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ มีแผนจะกระจายการพัฒนาโครงการแนวราบออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ หลังจากที่ออกไปเปิดโครงการคอนโดมิเนียมที่จังหวัดพิษณุโลก ขายไปแล้ว 90 % และมีการโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าแล้ว 80% และที่จังหวัดอุดรธานี ขายไปแล้ว 98 % โอนไปแล้ว 95 % โดยจะเริ่มที่เปิดโครงการแรกที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมองว่ายังมีพื้นที่ ที่บริษัทจะเข้าไปแข่งขันกับผู้ประกอบการในท้องถิ่นได้ คาดว่าจะใช้แบรนด์ใหม่ เนื่องจากรูปแบบโครงการไม่เหมือนกับที่พัฒนาในกรุงเทพฯ โดยจะทำที่ระดับราคา 1-2 ล้านบาท/ยูนิต ซึ่งขณะนี้จัดซื้อที่ดินไว้เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะพร้อมเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาพฤติกรรมลูกค้าในจังหวัดอื่นๆ ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค
สำหรับงบการจัดซื้อที่ดินปีนี้ตั้งไว้ 8,500 ล้านบาท เป็นการซื้อเพื่อใช้พัฒนาโครงการแนวราบ โดยใช้ไปแล้ว 700 ล้านบาท
“การขยายไปตลาดต่างจังหวัดครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเปิดตลาดสินค้าแนวราบของเอพีให้กว้างขึ้นแล้ว ยังถือเป็นโอกาสที่ดีในการลงพื้นที่เพื่อศึกษา และเรียนรู้ความต้องการในมิติใหม่ของคนไทยในแต่ละภูมิภาค โดยสินค้าที่จะนำไปพัฒนานั้นเป็นทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และบ้านแฝด ซึ่งแบบบ้านที่จะนำไปพัฒนานั้น อยู่ระหว่างการออกแบบเพื่อให้สอดรับกับความต้องการและพฤติกรรมของคนในแต่ละพื้นที่ ตามคอนเซ็ปต์ Dynamic Personalized Model การออกแบบและพัฒนาโครงการที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบและคอนเซ็ปต์ดีไซน์ตามลิฟวิ่งแพทเทิร์น (Living Pattern) ที่แตกต่างกันของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละทำเล” นายวิทการ กล่าวเสริม
ด้านผลการดำเนินงานปี 2562 ที่ผ่านมา เปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้นรวมมูลค่า 47,860 ล้านบาท จำนวน 27 โครงการ สร้างยอดขายรวมได้ 32,857 ล้านบาท รายได้รวมเท่ากับ 32,452 ล้านบาท (รวม 100% โครงการร่วมทุน) กำไรสุทธิ 3,064 ล้านบาท