หอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย นำโดย หอการค้าฝรั่งเศส-ไทย (Franco-Thai Chamber of Commerce) หอการค้าเนเธอร์แลนด์-ไทย (Netherlands-Thai Chamber of Commerce) และหอการค้าไทย-สวีเดน (Thai-Swedish Chamber of Commerce) เดินหน้าจัดงานสัมมนาเพื่อความยั่งยืนสำหรับธุรกิจ Sustainability for Business Forum (SBF20) ครั้งที่ 4 เพื่อถ่ายทอดความรู้ เปิดโอกาสสร้างเครือข่ายธุรกิจในประเทศไทย และสนับสนุนความยั่งยืนในภาคธุรกิจภายใต้หัวข้อ “Green Recovery” เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ของโควิด-19 พบกับองค์กรที่โดดเด่นใน 3 กลุ่ม ได้แก่ เมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืนและมีพลวัต (Smart, Sustainable and Resilient Cities) ไลฟ์สไตล์ด้านแฟชั่นและความงามที่ยั่งยืน (Sustainable Lifestyles – Fashion & Beauty) และอาหารแห่งอนาคต (Food of the Future) ในวันที่ 8 ตุลาคม 2563 ณ โรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค
จากรายงาน Google Year in Search Thailand: Insights for Brands Report 2020 พบว่าผู้บริโภคชาวไทยหันมาให้ความสนใจประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การรักษาสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนมากขึ้น โครงการด้านสิ่งแวดล้อมที่หลากหลายจากทั้งภาครัฐและเอกชน กระตุ้นให้เกิดความตระหนักถึงผลกระทบของพฤติกรรมการบริโภคของตนเอง และมองหาผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เมื่อเทียบกับปี 2018 ผู้บริโภคค้นหาวิธีป้องกันตนเองจากมลพิษ เช่น หน้ากาก N95 และเครื่องฟอกอากาศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 100% และ 50% ตามลำดับ ความสนใจในผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น กระเป๋าผ้าและการลดใช้ถุงพลาสติก รวมถึงการอนุรักษ์พลังงานก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ผู้บริโภคไทยพยายามลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์ ผ่านการค้นหาที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าถึง 257% และสกู๊ตเตอร์ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ 376%[1] จากสถานการณ์โรคระบาดในปัจจุบัน ตัวเลขการค้นหาที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ยังเป็นโอกาสสำหรับภาคธุรกิจในการส่งเสริมความยั่งยืน และมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคในการตอบสนองความต้องการพวกเขา
งาน SBF20 ในปีนี้ได้รับเกียรติจากเอกอัครราชทูตแห่งราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย มร. เคส ราเดอ และ ผู้อำนวยการ องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา สำนักงานภาคพื้นเอเชีย มร.สตีฟ โอลีฟ ร่วมกล่าวถึงมุมมองด้านความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งการสัมมนาใน 3 หัวข้อหลักจะแยกเป็นห้องย่อย ได้แก่ เมืองอัจฉริยะ ที่ยั่งยืนและมีพลวัต ไลฟ์สไตล์ด้านแฟชั่นและความงามที่ยั่งยืน และอาหารแห่งอนาคต ปิดท้ายด้วยเวทีเสวนาโดยผู้บริหารจากบริษัทชั้นนำภายในประเทศที่ดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืนเป็นสำคัญตลอดช่วงวิกฤติโควิด-19 จาก ลอรีอัล ประเทศไทย ซิมไบโอร์ โซลาร์ และ เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ ภายใต้หัวข้อ ความยั่งยืนในมุมมองของกลยุทธ์องค์กร ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมยังมีโอกาสได้รับข้อมูลจากผู้ประกอบการธุรกิจและบริการหลากหลายสาขาที่ประสบความสำเร็จและทรงอิทธิพลในการสร้างแรงบันดาลใจ ที่จะมานำเสนอและแบ่งปันข้อมูล นวัตกรรม กลยุทธ์ทางธุรกิจ ตลอดจนแนวปฏิบัติที่น่าสนใจ และเทรนด์ล่าสุดด้านการบริหารจัดการเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ
นางสาวอาร์เมล เลอ บีฮาน ประธานคณะทำงานร่วมระหว่างหอการค้าต่างประเทศด้านความยั่งยืน ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท Green Building Consulting & Engineering กล่าวว่า “ความยั่งยืนและวิกฤตโควิด-19 มีความเกี่ยวข้องกันอย่างลึกซึ้งนี้ และทำให้เราตระหนักว่าสิ่งแวดล้อมที่ดีนั้นเป็นสิ่งจำเป็น ขณะเดียวกันแม้ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะหยุดชะงัก แต่ความเสื่อมโทรมด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมไม่ได้หยุดไปด้วย ดังนั้นการทบทวนธุรกิจของทุกองค์กรภายใต้ขอบเขตของระบบนิเวศ รวมถึงสวัสดิภาพของมนุษย์เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาวจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ในฐานะประธานคณะทำงานเชื่อมั่นว่า งานสัมมนาเพื่อความยั่งยืน SBF20 ในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญสำหรับภาคธุรกิจในการหาแนวคิดใหม่ๆ ที่จะมาสร้างวิถีชีวิตใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างการมีส่วนร่วมของมนุษย์ทุกคนให้คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมได้ในที่สุด”
นายอองรี เดอ เรอบุล ประธานคณะทำงานร่วมระหว่างหอการค้าต่างประเทศด้านความยั่งยืน ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัทผู้ลงทุนด้านการสร้างผลกระทบเชิงบวกแก่สังคม Phitrust Asia กล่าวว่า “ทุกองค์กรต่างกำลังมองหามุมมองทางธุรกิจเชิงบวก โดยสามหัวข้อหลักในงานสัมมนาเพื่อความยั่งยืน SBF20 ปีนี้ ครอบคลุมประเด็นที่น่าสนใจและมีแนวโน้มที่เกิดขึ้นจริงในอนาคต คำตอบสำหรับคำถามที่ว่าในฐานะองค์กรควรจะทำอย่างไรให้เมือง อาหาร และการบริโภคของมนุษย์ทุกคนปลอดภัย สะอาด และเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและผู้คนให้ได้มากที่สุดนี้ จะดึงดูดให้บริษัทจากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ คู่ค้า บริษัทผู้ให้บริการและนักลงทุนหันมาสนใจองค์กรมากยิ่งขึ้น โดยความยั่งยืนจะช่วยกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรม ตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น และช่วยหาช่องทางทำกำไรให้กับองค์กรได้ต่อไป”
ผู้ที่เข้าร่วมงานในปีนี้จะมีโอกาสได้เรียนรู้เกี่ยวกับความยั่งยืนภายใต้สามหัวข้อสำคัญ พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับวิทยากรบนเวทีเสวนาดังต่อไปนี้
หัวข้อที่ 1 เมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืนและมีพลวัต – วิทยากรจากหลากหลายองค์กรเช่น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) อมตะ และ บางจาก จะมาพูดคุยถึงวิธีการทำให้เมืองต่างๆ มีความพร้อมในการรับมือกับวิกฤตมากขึ้น พร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับการนำเอาการจัดการวิกฤติโควิด-19 มาประยุกต์ใช้กับการจัดการการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศ ประเด็นเกี่ยวกับการสร้างเมืองที่ดีที่สามารถนำเสนอชีวิตวิถีใหม่ด้านสภาพแวดล้อมการทำงานและใช้ชีวิต ตัวอย่างที่ล้ำหน้าในการช่วยทำให้ห่วงโซ่อุปทานสั้นลงและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การสร้างชุมชนที่คำนึงถึงการมีส่วนร่วม การวางแผนเมืองที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ไปจนถึงการทบทวนโครงสร้างและระบบเมืองเพื่อให้เกิดความพอเพียงและประโยชน์สูงสุด จะถูกนำมาพูดถึงภายใต้หัวข้อนี้ด้วยเช่นกัน
หัวข้อที่ 2 ไลฟ์สไตล์ด้านแฟชั่นและความงามที่ยั่งยืน – อุตสาหกรรมสิ่งทอ ความงาม และนวัตกรรมที่ยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานกำลังเดินหน้าสู่การลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการพัฒนาสวัสดิการและความมั่นคงของพนักงานและชุมชนที่องค์กรดำเนินธุรกิจอยู่ ภายใต้หัวข้อนี้ ผู้เข้าร่วมงานจะได้เรียนรู้การทำงานร่วมกันระหว่างความยั่งยืนและแผนการฟื้นฟูหลังวิกฤติโรคระบาด ไปจนถึงการประยุกต์ใช้ความยั่งยืนขั้นสูงอันจะนำซึ่งความยืดหยุ่นทางธุรกิจมากขึ้น กับวิทยากรชั้นนำจากหลากหลายแบรนด์อย่าง ReReef, Yves Rocher, Qualy, Moreloop และ SCG
หัวข้อที่ 3 อาหารแห่งอนาคต – ครอบคลุมถึงนวัตกรรม ห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน และการเกษตรที่มีศักยภาพที่ช่วยให้ผู้บริโภคได้รับอาหารที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชนเกษตรกรรมและผลกำไรของบริษัท ทั้งยังลดความเสี่ยงในการทำลายสภาพอากาศสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนทุกฝ่าย โดยหลังสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 อุตสาหกรรมอาหารพบกับอุปสรรคในการเสริมสร้างมาตรฐานด้านสุขอนามัย ลดห่วงโซ่อุปทาน และการสนับสนุนผู้ผลิตในประเทศยิ่งขึ้น โดยวิทยากรในหัวข้อนี้ได้แก่ตัวแทนจาก เต็ดตรา แพ้ค นิธิ ฟู้ดส์ ไทยยูเนี่ยน FairAgora Harmless Harvest และ เนสท์เล่
ช่วงเสวนา CEO: รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการนำเอาความยั่งยืนมาประยุกต์ใช้ผ่านโครงสร้าง การดำเนินงาน และ ห่วงโซ่อุปทานขององค์กรธุรกิจทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก จากผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ ได้แก่ กรรมการผู้จัดการของลอรีอัล ประเทศไทย ประธานกรรมการบริหารของเอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ และ ประธานกรรมการบริหารของซิมไบโอร์ โซลาร์
นางอินเนส คาลไดรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในผู้บริหารบนเวทีเสวนา CEO กล่าวว่า “ความยั่งยืนที่มุ่งเน้นพันธสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจของลอรีอัลมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ ลอรีอัล ประเทศไทย ได้ร่วมช่วยเหลือสังคมไทยให้ผ่านพ้นความท้าทายในช่วงวิกฤติโควิด-19 ผ่านโครงการ L’Oréal Thailand COVID-19 Solidarity ล่าสุด ลอรีอัล ได้ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่เพื่อความยั่งยืน “L’ORÉAL FOR THE FUTURE” ตั้งเป้าหมายการทำงานสำหรับปี 2030 มุ่งยกระดับเร่งการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานโดยคำนึงถึงขีดจำกัดความปลอดภัยของโลกเป็นที่ตั้ง ลอรีอัล ประเทศไทย ยินดีที่จะแบ่งปันวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของบริษัทให้แก่ผู้เข้าร่วมทุกคน โดยลอรีอัลมุ่งหวังในการเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงทั้งในอุตสาหกรรมความงามและอุตสาหกรรมอื่นๆ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้บริโภคและทุกภาคส่วน ให้ร่วมกันเดินหน้าปกป้องโลกใบนี้ไปด้วยกัน”
นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ความยั่งยืนเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัททั้งด้านนโยบายและด้านกลยุทธ์การแข่งขันทางธุรกิจ ความยั่งยืนยังนับเป็นตัวกำหนดว่าบริษัทเราคือใครในเวทีระดับโลก อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่น เลือกบริษัทเราเป็นบริษัทหนึ่งเพื่อเป็นผู้ผลิตร่วมกันสำหรับแบรนด์อาหารประเภทนี้ทั่วโลก”
มร.ฟลอเรียน เบนโฮลด์ ประธานกรรมการบริหาร ซิมไบโอร์ โซลาร์ กล่าวว่า “คุณค่าองค์กรโดยรวมของซิมไบโอร์ โซลาร์ คือความยั่งยืนที่ตั้งมั่นอยู่บนพันธกิจหลักของบริษัทฯ โดยนอกจากการคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพด้านการดำเนินธุรกิจของลูกค้า ซิมไบโอร์ โซลาร์ยังมุ่งสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงธุรกิจพวกเขาให้สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยพลังงานหมุนเวียน ควบคู่ไปกับการลดปริมาณของเสียและค่าใช้จ่ายอีกด้วย”
ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนงาน Sustainability for Business Forum 2020 เพื่อรับแรงบันดาลใจจากกรณีศึกษาที่ยอดเยี่ยมของภาคธุรกิจ พร้อมพบปะเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจด้านความยั่งยืน และจุดพลังให้กับธุรกิจของคุณด้วยกลยุทธ์ขับเคลื่อนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน SBF20 ได้ที่ www.connect2sustainability.com