พร็อพเวิร์กซ์ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN เปิดตัวบริการด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม IoT สร้างการบริหารจัดการสินทรัพย์อัจฉริยะรูปแบบ Smart Assets Management เพื่อนำไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ในอนาคต พร้อมผนึกพันธมิตรรายแรก “ซี.พี.ฟาซิลิตี้ แมเนจเม้นท์” (CPFM) ภายใต้บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน)
นายธัญลักษณ์ นันท์ธนาวรสิริ กรรมการ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก จนสามารถDisrupt ผู้เล่นเดิมในอุตสาหกรรม อนันดาฯ ได้มีการเร่งปรับตัวเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของธุรกิจให้ทันกับเทคโนโลยีที่เข้ามา
ดร.โกศล ทรัพย์ประเสริฐ ที่ปรึกษาประธานกรรมการบริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมา อนันดาฯ ได้มีการจัดตั้ง PropworX ซึ่งเป็นผู้พัฒนาสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้าน IoT หรือ Internet of Things สร้างการบริหารจัดการสินทรัพย์อัจฉริยะของงานด้านบริหารทรัพย์สินและอาคารสูงในรูปแบบ Smart Assets Management เพื่อช่วยให้การบริหารจัดการงานด้านบริหารทรัพย์สิน ทรัพยากรอาคาร และอาคารสูงให้มีประสิทธิภาพสูงสุดอันจะนำไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ในอนาคต ล่าสุด ได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรรายแรก คือ CPFM บริษัทในกลุ่มของบริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) และเป็นบริษัทในกลุ่มเครือเจริญโภค โดยได้ทำสัญญาความร่วมมือ (MOU) ด้านการบริหารอาคารแบบ Smart Building System ร่วมกันระหว่างบมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ และ บ.CPFM เพื่อเป็นการผนึกกำลังให้เกิดการขยายฐานทางธุรกิจของทั้งสองฝ่าย โดย บ.CPFM ได้ตกลงใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีการบริหารจัดการทรัพย์สินจาก PropworX เป็นหลักในการนำเสนองานขายสำหรับบริหารจัดการทรัพยากรอาคารให้ลูกค้าของ CPFM ซึ่งเป็นโอกาสอันดีในการต่อยอดการบริการด้านบริหารอาคารแบบ Smart Building System นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ครั้งสำคัญ
นายจักรพันธ์ ปิยะพฤกษพรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี ฟาซิลิตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด (CPFM) กล่าวว่า ปัจจุบันการบริหารจัดการอาคารเปลี่ยนแปลงไปตามบริบทขององค์กรธุรกิจและสังคมในยุคที่ต้องการนำข้อมูลแบบ Real-time มาใช้ในการบริหารจัดการอาคารให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ผู้ใช้อาคารต้องการความปลอดภัยมากขึ้นโดยเฉพาะในเรื่องสุขอนามัย อีกทั้งองค์กรธุรกิจยังต้องลดต้นทุนในการดำเนินงานเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ดังนั้นการนำเทคโนโลยี IoT มาปรับใช้ในการบริหารจัดการอาคารถือเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการบริหารจัดการอาคารไปสู่ยุคดิจิทัล ที่ต้องใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เรียกว่า Big Data และการเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุค Next normal ที่ต้องใช้คนทำงานให้น้อยลงแบบเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะการดูแลทรัพย์สินประเภทอาคารที่มีมูลค่าสูงตั้งแต่หลักร้อยล้านไปจนถึงหมื่นล้าน การใช้เทคโนโลยี IoT มาติดตั้งจะทำให้เราสามารถตรวจสอบการทำงาน การใช้พลังงาน และสุขภาพของอาคารและอุปกรณ์ประกอบอาคารตลอด 24 ชั่วโมง ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปวิเคราะห์ วัดผลและบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพได้สูงสุด การได้จับมือกับทาง พร็อพเวิร์กซ์ (PropworX) ถือเป็นโอกาสอันดีในการผนึกกำลังและต่อยอดการบริการด้านบริหารอาคารแบบ Smart Building System นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง