สิงห์ เอสเตท เปิดกลยุทธ์ธุรกิจปี 67 ตั้งเป้ารายได้โต 20% แตะ 1.8 หมื่นล้านก้าวสู่ปีที่ 10 อย่างแข็งแกร่ง ผ่านแนวคิด “Go Beyond Dreams” สานต่อโปรเจ็กต์ระดับมาสเตอร์พีซ
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สิงห์ เอสเตท กล่าวว่าในปี 2567 นี้ เราตั้งเป้ารายได้รวมของบริษัทให้เติบโตขึ้นสูงถึง 20% หรือมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท ที่ได้จาก 3 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจที่พักอาศัย 30 % กลุ่มธุรกิจโรงแรม 60 % อีก 10 % เป็นอาคารสำนักงาน 7 % และนิคมอุตสาหกรรม 3 % โดยการพัฒนาที่พักอาศัยจะเน้นจับตลาดลักซ์ชัวรี่เบสอินคลาส ซึ่งแบ่งเป็น ตลาดอัลตร้าลักซ์ชัวรี่ ราคา 100 ล้านบาทขึ้นไป ตลาดซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ราคา 50-100 ล้านบาท ตลาดพรีเมี่ยมลักซ์ชัวรี่ ราคา 30-50 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 5,400 ล้านบาท เท่ากับเติบโตขึ้น 50% ซึ่งขณะนี้มียอดขายรอโอน 3,400 ล้านบาท โดยคาดว่าจะโอนได้ภายในปีนี้ 3,000 ล้านบาท
ทั้งในปี 2567 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการที่พักอาศัยใหม่ 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9,400 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 2 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ทำเลพระราม 3 และศรีราชา ขณะที่มีโครงการที่เลื่อนการเปิดตัวมาจากปี 2566 มาเปิดตัวในปี 2567 อีก 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6,400 ล้านบาท
ส่วนกลุ่มธุรกิจโรงแรมภายใต้การบริหารงานของ SHR ยังคงมีแผนที่จะปรับปรุงโรงแรมตามแผนการยกระดับพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง จำนวน 5 โรงแรมในเครือที่ประเทศไทยและต่างประเทศ โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มอัตราเฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) ได้มากกว่า 25% รวมถึงแผนการเสริมการให้บริการด้านอื่น ๆ ให้สอดคล้องกับการยกระดับห้องพักที่จะสร้างรายได้เพิ่มเติม นอกเหนือจากรายได้การเข้าพัก (Non-Room Revenue) จากการใช้จ่ายต่อคนในการใช้บริการ ภายในโรงแรมเพิ่มขึ้นอีก 15% ขณะที่การหมุนเวียนสินทรัพย์ (Asset Rotation) ยังเป็นปัจจัยหนึ่งในการเสริมความแข็งแกร่งด้านผลประกอบการ โดยมุ่งเน้นไปที่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง รวมถึงการมองหาโอกาสในการควบรวมกิจการของธุรกิจที่ทำให้เกิดโอกาสรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานมีการตั้งเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง อยู่ที่ 40% ของพื้นที่ขายรวม ซึ่งมีเนื้อที่รวม 2,000 ไร่ 50 % เป็นพื้นที่ขาย อีก 50 % เป็นระบบสาธารณูปโภค โดยมีบ่อน้ำอยู่ 40 ไร่ไว้บริการโรงงานในพื้นที่ และโรงไฟฟ้า 3 โรง มีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้า 400 เมกกะวัตต์ ทำให้ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมเอสอ่างทอง มั่นใจได้ว่ากจะไม่มีปัญหาเรื่องน้ำและไฟฟ้า ในขณะที่อาคารสำนักงานซึ่งมี 4 อาคาร รวมพื้นที่ 170,000 ตารางเมตร ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่ 85 %
นางนางฐิติมา กล่าวต่อไปว่ากลยุทธ์ในการลงทุนของ สิงห์ เอสเตท ในปี 2566 ที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้ทุกพอร์ตธุรกิจมีความแข็งแกร่งอย่างมาก เช่น กลุ่มธุรกิจที่พักอาศัย ที่มีการเปิดตัวโครงการบ้านแนวราบขยายฐานลูกค้าครบทุก ลักซ์ชัวรีเซ็กเมนต์ และการขยายสัดส่วนการถือครองโครงการ The ESSE Sukhumvit 36 รับการฟื้นตัวของความต้องการในกลุ่ม Ready-to-move-in ของตลาดคอนโดมิเนียม อีกทั้งการลงทุนในที่ดินในทำเลศักยภาพที่รองรับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องสำหรับโครงการในอนาคตตามกลยุทธ์หลักของบริษัทที่สร้างการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ขณะที่กลุ่มธุรกิจโรงแรมภายใต้การบริหารงานของ ‘เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท’ (SET: SHR) ก็มีความโดดเด่นจากการเปิดตัว SO/ Maldives โรงแรมไลฟ์สไตล์หรูระดับ 5 ดาว ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการครอสโรดส์ มัลดีฟส์ และการยกระดับห้องพักโรงแรมในเครืออีก 5 แห่ง เพื่อตอบรับโอกาสจากความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงเสริมการให้บริการในโรงแรมเพื่อให้สามารถเก็บอัตราห้องพักต่อวันและรายได้จากบริการอื่น ๆ ได้สูงขึ้นและเพิ่มมากขึ้น และการต่อยอดแบรนด์ ทราย (“SAii”) ในการให้บริการที่มีความหลากหลายยิ่งขึ้นและเพิ่มรายได้อื่น ๆ นอกจากราคาห้องโรงแรมของกลุ่ม ในส่วนของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า บริษัทมีการนำโมเดลธุรกิจที่มีความยืดหยุ่น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในการใช้พื้นที่ของคนทำงานยุคใหม่ และกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
แผนการดำเนินงานในปี 2567 นี้ ผ่านแนวคิด Go Beyond Dream ที่ใช้ 3 แนวทางสนับสนุนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตครั้งนี้ ได้แก่ Go Expertise การสร้างซินเนอร์จีจากความชำนาญของทีมระหว่าง 4 กลุ่มธุรกิจ โดยดึงเอาจุดแข็งและความชำนาญที่แตกต่างและโดดเด่นของแต่ละธุรกิจเพื่อเกื้อหนุนกันและกัน เพื่อการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและส่งมอบคุณค่าแก่ลูกค้า Go Elixir การผนึกกำลังกับพันธมิตรใหม่ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจและการลงทุน และ Go Exceed, Go Exit ความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืน SDG13 Climate Change สู่การเป็นองค์กร Carbon Neutrality ของสิงห์ เอสเตท ในปี 2573 เพื่อสร้างความสมดุลของธุรกิจทั้งกับชุมชุน สังคมและสิ่งแวดล้อม