‘ลลิล พร็อพเพอร์ตี้’ ผู้นำการพัฒนาที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด “Green Living Standard PLUS” เดินหน้าสู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยเติมเต็มไลฟ์สไตล์ปัจจุบันสู่อนาคต ร่วมกับ ‘TOA’ เปิดตัวสีสันแห่งความยั่งยืน “Color for Sustainable Living” นวัตกรรมสีทาอาคารที่ออกแบบมาเพื่อรองรับที่อยู่อาศัยยุคใหม่ ที่ไม่เพียงแค่ช่วยให้บ้านสวยงาม แต่ยังมอบคุณสมบัติด้านสะท้อนความร้อน ช่วยประหยัดพลังงาน ใส่ใจสุขภาพของผู้อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อม
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และ นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ผนึกพันธมิตร Green Partner ตอกย้ำภายใต้แนวคิด “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” ร่วมเปิดเผยว่า ความร่วมมือระหว่าง ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ และ ทีโอเอ ในการนำชุดสี “Color for Sustainable Living” มาใช้ในโครงการจึงไม่ใช่แค่การตกแต่งเพื่อความสวยงาม แต่สะท้อนถึงความตั้งใจในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่การันตีด้วยฉลากลดโลกร้อน ทั้งในมิติของพลังงาน สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และความสะดวกสบายในการดูแลรักษาบ้าน เพราะสำหรับลลิล พร็อพเพอร์ตี้ บ้านที่ดีไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่คือพื้นที่แห่งชีวิตที่พร้อมรองรับอนาคตของการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนในทุกวัน
“ในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ให้ความสำคัญกับการสร้างคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนในทุกมิติ ความร่วมมือกับทีโอเอ ในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ต้องการนำเทคโนโลยีสีสมัยใหม่มาใช้ที่ไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ยังช่วยลดภาระด้านพลังงาน ดูแลสุขภาพของผู้อยู่อาศัย และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม นี่คือการขับเคลื่อนแนวคิด Green Living Standard PLUS ให้เกิดขึ้นได้จริงในโครงการ” นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กล่าว
ทั้งนี้ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ได้เลือกใช้นวัตกรรมสี ทีโอเอ โฟร์ซีซั่นส์ สีทนได้ สียอดนิยมอันดับหนึ่ง ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยสมัยใหม่ ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่รวมไว้ในเนื้อสีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี Cooling & Energy Saving ที่ช่วยสะท้อนความร้อนได้มากกว่า 95.5% ช่วยลดอุณหภูมิผนังบ้านลงได้สูงสุดถึง 12 องศาเซลเซียส พร้อมทั้งช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากกว่า 38% เมื่อเทียบกับสีทั่วไปในท้องตลาด ขณะเดียวกันยังเสริมความทนทานด้วย Super Durable Technology ซึ่งใช้ฟิล์มสีคุณภาพสูงที่ผสานไทเทเนียมและอะคริลิกระดับนาโน ช่วยให้ทนทานต่อรังสี UV และสภาพอากาศได้เหนือกว่ามาตรฐานทั่วไปถึง 4 เท่า สีจึงคงความสดใหม่และไม่ซีดจางแม้ผ่านกาลเวลา อีกทั้งยังได้รับฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ หรือ ฉลากลดโลกร้อน ที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้
ด้าน TOA ในฐานะผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมสีรักษ์โลก และผู้นำในอุตสาหกรรมสีทาอาคาร – วัสดุปกป้องพื้นผิวครบวงจร เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง แผ่นฝ้ายิปซัม กระเบื้องเซรามิก และสุขภัณฑ์ระดับโลก ได้มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งไปพร้อมๆ กับการดูแลโลกอย่างยั่งยืน โดย นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TOA กล่าวถึงการดำเนินงาน ภายใต้ TOA GREEN MISSION ทั้ง 7 กลยุทธ์ว่า ทีโอเอมุ่งมั่นที่จะผสานการดำเนินงานภายในให้สอดรับกันอย่างลงตัว ตั้งแต่การคิดค้น พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว (Greenovation), การพัฒนากระบวนการผลิตที่ลดการปล่อยของเสียและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (Green Production), การนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ (Green Energy), การสร้างผลกระทบเชิงบวกภายในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท (Green Value Chain), การร่วมมือกับคู่ค้าในการส่งเสริมธุรกิจซึ่งกันและกันอย่างยั่งยืน (Green Partner), การรับรองมาตรฐานสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Certified) และการดำเนินกิจกรรมลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม (Green Reforestation)
“ความมุ่งมั่นนี้ยังขยายไปถึงการดูแลผู้บริโภคอย่างแท้จริง ดังจะเห็นได้จากความพยายามของทีโอเอในการพัฒนา ผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ จนได้ผ่านการรับรอง “ฉลากลดโลกร้อน” (Carbon Footprint Reduction: CFR) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) มากถึง 131 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งนับเป็นจำนวนที่มากที่สุดในตลาดผู้ผลิตสีของประเทศไทยในขณะนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะมอบทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อสุขภาพให้กับทุกคน”
โดย “Color for Sustainable Living” คือ ผลลัพธ์จากการคัดสรรเฉดสีที่มีค่าสัมประสิทธิ์การดูดกลืนรังสีอาทิตย์ (Solar Absorptance) ต่ำกว่า 0.5 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการลดอุณหภูมิภายในบ้าน ลดการสะสมความร้อนในระดับเมือง (Urban Heat Island) และช่วยให้โครงการผ่านเกณฑ์การประเมินตามมาตรฐาน Eco Village ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยชุดสีดังกล่าวถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้จริงในสภาพแวดล้อมเมืองร้อนอย่างประเทศไทย สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาโครงการที่ใส่ใจในพลังงาน สิ่งแวดล้อม และสุขภาวะของผู้อยู่อาศัยในระยะยาว
ในด้านสุขภาพและความปลอดภัย นวัตกรรมสีนี้ยังพัฒนาโดยอิงหลัก Superior Health Care Technology ซึ่งปลอดสารพิษ เช่น ปรอทและตะกั่ว และยังมีคุณสมบัติต้านเชื้อรา แบคทีเรีย และตะไคร่น้ำ ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมภายในบ้านที่ปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัว ขณะเดียวกันยังเสริมด้วย Advanced Washable Technology ซึ่งลิขสิทธิ์จาก 3M ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้ฟิล์มสีลื่น ป้องกันการเกาะตัวของคราบน้ำมันและฝุ่นละอองได้ดี สามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย ผนังบ้านจึงดูใหม่สะอาดอยู่เสมอแม้ใช้งานในระยะยาว
“เราเชื่อว่าบ้านที่ดี ไม่ใช่แค่พื้นที่สำหรับอยู่อาศัย แต่คือจุดเริ่มต้นของคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ความร่วมมือกับทีโอเอในครั้งนี้จึงเป็นการตอกย้ำเจตนารมณ์ของลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ในการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่คำนึงถึงทั้งสิ่งแวดล้อมและผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง เพื่อให้ทุกตารางเมตรของบ้าน เต็มไปด้วยความสบาย ปลอดภัย และคุ้มค่า ทั้งวันนี้และในอนาคต”