อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน มิ.ย. 68 อยู่ที่ -0.25% จากระดับราคาพลังงานและสินค้าหมวดอาหารสด ที่ปรับตัวลงเป็นสำคัญ มองแนวโน้มเงินเฟ้อช่วง 2H68 อ่อนแรงตามอุปสงค์ที่แผ่วลง ขณะที่สงครามการค้าเพิ่มแรงกดดันต่อกำลังซื้อ
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน มิ.ย. อยู่ที่ -0.25% ติดลบต่อเนื่องจากเดือนก่อน ซึ่งอยู่ที่ -0.57% ถือเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งมองไว้ที่ -0.12%1 ปัจจัยหลักมาจากระดับราคาสินค้าในหมวดอาหารสด โดยเฉพาะกลุ่มผักสดและผลไม้สดที่ลดลง 6.78% และ 7.12% ตามลำดับ และระดับราคาพลังงานที่ปรับตัวลง 6.31% แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ขัดแย้งรุนแรงระหว่างอิสราเอล-อิหร่านในช่วงที่ผ่านมา แต่ปัญหาดังกล่าวได้คลี่คลายลงภายหลังจากทั้งสองฝ่ายทำข้อตกลง หยุดยิง นอกจากนี้ กลุ่ม OPEC+ ยังประกาศจะเพิ่มกำลังการผลิตกว่า 4.1 แสนบาร์เรล/วัน ในเดือน ส.ค. 68
อย่างไรก็ตาม ระดับสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ยังคงเพิ่มขึ้น 1.64% โดยกลุ่มที่ราคาสินค้าปรับสูงขึ้น ได้แก่ กลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ เป็นต้น
เมื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงเทียบรายเดือน ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.02% จากเดือน พ.ค. ตามระดับราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่สูงขึ้น 0.07% โดยกลุ่มสินค้าซึ่งระดับราคาเพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มอาหารสำเร็จรูป รวมถึงกลุ่มผักสด โดยเฉพาะ ผักชี และต้นหอม ที่ผลผลิตบางส่วนเสียหายจากภาวะฝนตกหนักในบางพื้นที่
ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน อยู่ที่ 1.06% ทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อน ซึ่งอยู่ที่ 1.09% หากพิจารณาการเปลี่ยนแปลงเทียบรายเดือน ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานลดลง 0.04% ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป
6 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 0.37% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.97%
1 อ้างอิงจาก Reuter Polls (as of July 2025)
Krungthai COMPASS มองว่าการติดลบของเงินเฟ้อต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ยังไม่ใช่สัญญาณของภาวะเงินฝืด เนื่องจากเป็นผลของราคาหมวดพลังงานที่ปรับลดลงเป็นหลัก ขณะที่ราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปยังไม่ได้ปรับตัวลงเป็นวงกว้าง (Broad-based) ทั้งนี้ราคาหมวดพลังงานในเดือน มิ.ย. 68 ลดลง 6.31% เมื่อเทียบจากปีก่อน2 ส่วนราคาในหมวดสินค้าและบริการพื้นฐาน ที่เป็นรายการสินค้าทั่วไป ซึ่งได้หักรายการสินค้าหมวดอาหารสดและหมวดพลังงานออกแล้ว และมีสัดส่วนถึงกว่า 69.9% ของตระกร้าเงินเฟ้อนั้น ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
Krungthai COMPASS คาดทิศทางเงินเฟ้อระยะถัดไปมีแรงส่งค่อนข้างแผ่ว จากกำลังซื้อในประเทศที่มีสัญญาณอ่อนตัว ประกอบกับราคาพลังงานโลกมีแนวโน้มลดลง สะท้อนจากดัชนีการบริโภคภาคเอกชน (PCI) ล่าสุดในเดือน พ.ค. 68 ที่แผ่วลง 0.2%MoM (เทียบจาก 1.7% เมื่อเดือนก่อน)
นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) เดือน พ.ค. 68 แตะระดับ 48.9 โดยมีค่าต่ำกว่า 50 แสดงถึงความไม่เชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะกดดันอุปสงค์ และบ่งชี้ถึงแรงกดดันเงินเฟ้อที่แผ่วลงระยะข้างหน้า กอปรกับความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ผ่อนคลายลงหลังข้อตกลงหยุดยิง และการประกาศเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ ในเดือน ส.ค. 68 จะส่งผลให้ทิศทางราคาน้ำมันโลกมีแนวโน้มลดลง
ความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มเติมจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่มีต่อการชะลอตัวลงของการค้าโลกและเศรษฐกิจไทยในช่วง 2H68 ยังเป็นปัจจัยกดดันเงินเฟ้อระยะถัดไปให้อ่อนตัวลง โดยสหรัฐฯ ประกาศจะเริ่มเก็บภาษีตอบโต้กับไทยในอัตราเดิมที่ 36% (เริ่ม 1 ส.ค. 68) หากการเจรจาปรับลดไม่สำเร็จ รวมถึงไทยถูกเก็บภาษีในอัตราสูงกว่าคู่แข่ง จะเพิ่มแรงกดดันต่อการเติบโต รวมถึงกำลังซื้อระยะข้างหน้า เนื่องจากไทยต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นสำคัญ2 หมวดพลังงานคิดเป็นสัดส่วน 12.8% ของตะกร้าเงินเฟ้อ
ฉมาดนัย มากนวล
กฤตตฤณ เหล่าฤทธิ์
Krungthai Compass