กรมควบคุมโรค และกรมการบินพลเรือนเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังและคัดกรองผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
หรือโรคโควิด 19 ที่เดินทางด้วยเที่ยวบินจาก 3 กลุ่มประเทศที่จัดแบ่งตามระดับความรุนแรงการระบาด ตามประกาศ
ของกระทรวงสาธารณสุข วันที่ 16 มีนาคม 2563 ดังนี้
กลุ่มที่ 1 เขตติดโรคติดต่ออันตราย ได้แก่ จีน มาเก๊า ฮ่องกง เกาหลีใต้ อิหร่าน อิตาลี
กลุ่มที่ 2 พื้นที่มีการระบาดต่อเนื่อง ได้แก่ ฝรั่งเศส สเปน สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ เดนมาร์ก เนเธอแลนด์ สวีเดน อังกฤษ เยอรมนี ญี่ปุ่น (ฮอกไกโด โตเกียว ไอจิ วากายามะ คานางาวะ ชิบะ โอกินาวา เกียวโต โอซากา)
กลุ่มที่ 3 พื้นที่อื่น
ผู้โดยสารบนเที่ยวบินจากประเทศกลุ่มที่ 1 ต้องปฏิบัติดังนี้
- เมื่อตรวจรับบัตรโดยสาร (เช็คอิน) จะต้องแสดงใบรับรองแพทย์ และเอกสารประกันสุขภาพ เพื่อรับบัตรโดยสาร หากไม่มีเอกสารดังกล่าว สายการบินจะไม่ออกบัตร-ขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) ให้
– ใบรับรองแพทย์ที่มีผลทางการแพทย์และมีผลทางห้องปฏิบัติการรับรองว่า“ไม่พบการติดเชื้อ COVID-19 ภายใน 48 ชั่วโมง และไม่ป่วยช่วง 14 วันก่อนเดินทาง” (ยกเว้นลูกเรือ)
– ประกันสุขภาพ (Health Insurance) จะต้องคุ้มครองในประเทศไทย ด้วยทุนประกันไม่น้อยกว่า 100,000 เหรียญสหรัฐ (ยกเว้นลูกเรือ และผู้ถือสัญชาติไทย)
- กรอกแบบ ต.8 (T.8) ภายใต้พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 โดยข้อมูลที่กรอกจะต้องถูกต้องและตรงความ เป็นจริง และยื่นแก่เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคติดต่อ ณ จุดคัดกรองในท่าอากาศยานเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย (รวมทั้ง ลูกเรือและผู้โดยสารทุกคน)
- เข้าตรวจในระบบคัดกรองด้วยเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ หากอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส และมี อาการใดอาการหนึ่งได้แก่ ไอ จาม น้้ามูกไหล เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ จะต้องส่งตัวไปรักษา ณ โรงพยาบาล ใกล้เคียง ผู้โดยสารที่ผ่านการคัดกรองจะต้องกักตัวสังเกตอาการ 14 วัน ชาวต่างชาติจะเข้าพักที่โรงแรมที่กำหนด สำหรับผู้มีที่พำนักในประเทศไทยจะต้องกักตัวในที่พักอาศัยของตนเองแยกจากผู้อื่น
- ต้องรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคผ่านช่องทางที่กำหนดทุกวัน หากมีอาการป่วยต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ภายใน
3 ชั่วโมง
ผู้โดยสารบนเที่ยวบินจากประเทศกลุ่มที่ 2 ต้องปฏิบัติดังนี้
- กรอกแบบ ต.8 ภายใต้พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 โดยข้อมูลที่กรอกจะต้องถูกต้องและตรงความเป็นจริง และยื่นแก่เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคติดต่อ ณ จุดคัดกรองในท่าอากาศยานเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย (รวมทั้งลูกเรือและ ผู้โดยสารทุกคน)
- เข้าตรวจในระบบคัดกรองด้วยเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ หากอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส และมี อาการใดอาการหนึ่งได้แก่ ไอ จาม น้้ามูกไหล เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ จะต้องส่งตัวไปรักษา ณ โรงพยาบาล ใกล้เคียง ผู้โดยสารที่ผ่านการคัดกรองจะต้องกักตัวสังเกตอาการ 14 วัน ชาวต่างชาติจะเข้าพักเพื่อคุมตัวสังเกตอาการ
ในโรงแรมที่กำหนด สำหรับผู้มีที่พำนักในประเทศไทยจะต้องกักตัวในที่พักอาศัยของตนเองแยกจากผู้อื่น หากมีความ จ้าเป็นต้องออกนอกที่พักให้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่
- ต้องรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคผ่านช่องทางที่กำหนดทุกวัน หากมีอาการป่วยต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ภายใน
3 ชั่วโมง
ผู้โดยสารบนเที่ยวบินจากประเทศกลุ่มที่ 3 ต้องปฏิบัติดังนี้
- ผู้เดินทางที่มีไข้ และ มีอาการ ไอ น้ำมูกไหล เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ อย่างใดอย่างหนึ่ง ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ด่าน ควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศทันทีที่ถึงประเทศไทย
- เข้าตรวจในระบบคัดกรองด้วยเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ หากอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส และมี อาการใดอาการหนึ่งได้แก่ ไอ จาม น้ำมูกไหล เจ็บคอ หรือหายใจเหนื่อยหอบ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการซักประวัติ เพิ่มเติม และให้ค้าแนะน้า
- ดูแลสุขภาพ สุขอนามัย และป้องกันตนเอง พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด หมั่นล้างมือ สวมใส่หน้ากากอนามัย หากไอ จาม ต้องปิดปากปิดจมูกอย่างถูกวิธี
ประเทศไทยมีการใช้มาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจในหมู่นักเดินทางต่างประเทศและประชาชนชาวไทย ให้มั่นใจที่จะดำเนินกิจกรรมในชีวิตประจ้าวัน ดำเนินการท้างานและธุรกิจต่างๆ โดยไม่ละเลยและส่งผลกระทบต่อ ความปลอดภัยในสุขภาพของทุกคน
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 จากองค์การอนามัยโลก
https://www. who.int/thailand/emergencies/novel-coronavirus-2019/situation-reports
ศูนย์ข้อมูลกรมควบคุมโรคติดต่อ โทร 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง
https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/eng/news.php
ส้านักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ โทร +66 (0) 2694 6000
https://www.businesseventsthailand.com/en/situation-update-coronavirus-covid-19 หรือ info@tceb.or.th.