ดูโฮม (DOHOME) เดินหน้าเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชน( IPO) 465,040,000 หุ้น คาด 6 สิงหาคม 62 เริ่มขายได้ พร้อมลุยปรับกลยุทธ์ เพิ่มสินค้า House Brand เปิดสาขาไซต์เล็ก Dohome To Go ตามศูนย์การค้า-ซุปเปอร์มาร์เก็ต-ไฮเปอร์มาร์เก็ต 90 แห่ง ภายใน3 ปี ในขณะที่สาขาใหญ่ลดไซต์ พร้อมเปิดเพิ่มอีก 7 แห่ง ใช้เงินลงทุนสาขาละ 250-300 ล้านบาท
นายอดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME กล่าวว่า “DOHOME ดำเนินธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง และให้บริการด้านวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจร (One-stop Home Products Destination) มากว่า 36 ปี โดยปัจจุบันมีสาขาที่เปิดให้บริการแล้ว 9 สาขา ได้แก่ อุบลราชธานี นครราชสีมา รังสิต ขอนแก่น อุดรธานี พระราม 2 บางบัวทอง เชียงใหม่ และบางนา โดยมีพื้นที่ขายและคลังสินค้าประมาณ 35,000 – 65,000 ตารางเมตรต่อสาขา รวมถึงศูนย์กระจายสินค้าอีก 1 แห่งที่จังหวัดปทุมธานี โดยแบ่งสินค้าที่จำหน่ายออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มวัสดุซ่อมแซม และกลุ่มวัสดุตกแต่ง รวมรายการสินค้ามากกว่า 135,000 รายการ (SKUs)
นอกจากนี้ DOHOME ยังจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสินค้าของ DOHOME (House Brand) มากกว่า 20,000 รายการ (SKUs) เช่น เครื่องมือช่าง ฮาร์ดแวร์ ประตู-หน้าต่าง กระเบื้อง สุขภัณฑ์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่สามารถแข่งขันได้ รวมถึงพัฒนาช่องทางจำหน่ายออนไลน์ เพื่อตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ และด้วยราคาที่สามารถแข่งขันได้และการให้บริการอย่างครบวงจร ซึ่งรวมถึงการบริการจัดส่งสินค้า การบริการบำรุงรักษาซ่อมแซม การบริการประกอบและติดตั้ง การบริการให้คำปรึกษาและดำเนินการออกแบบตกแต่ง และการบริการจัดหาสินค้าพิเศษ เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มลูกค้ารายย่อย ร้านค้าช่วง ผู้รับเหมาก่อสร้างและงานโครงการ หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ
นางสลิลทิพ เรืองสุทธิภาพ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชี การเงิน และสนับสนุนองค์กร บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “DOHOME วางแผนขยายสาขาขนาดใหญ่อีก 7สาขา ตั้งเป้ารายได้สาขาละ 1,280 ล้านบาท/ปี ใช้งบลงทุนสาขาละ 250-300 ล้านบาท โดยจะมีการลดขนาดพื้นที่จากเดิม19,500-30,000 ตารางเมตร เหลือ 13,000 ตารางเมตร เพื่อลดต้นทุน โดยขณะนี้มีที่ดินไว้พร้อมแล้ว 5 สาขา อีก 2 สาขาอยู่ระหว่างเจรจา โดยจะเปิดในปี 2562 จำนวน 1 สาขา และภายในปี 2564 อีก 6 สาขา อีกทั้งมีแผนขยายสาขาในรูปแบบใหม่ภายใต้ชื่อ Dohome to go ขนาด 100-300 ตารางเมตร ในบริเวณพื้นที่ศูนย์การค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ต เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ารายย่อย ผู้ที่ต้องการปรับปรุงซ่อมแซมตกแต่งบ้าน จำนวน 90 สาขา ภายในปี 2564 โดยจะเริ่มในเขตกรุงเทพและปริมณฑลก่อน
นอกจากนี้ ยังได้วางแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้สินค้า House Brand เป็น 30 % ในสาขา Dohome To Go โดยสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสินค้า House Brand ในปี 2559-2561 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 11.4% 14.3% และ 14.4% ของรายได้จากการขายและค่าบริการตามลำดับ โดยในไตรมาส 1/62 มีสัดส่วนอยู่ที่ 14.5% พร้อมวางเป้าหมายภายในปี 2565 จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสินค้า House Brand เป็น 20% ของรายได้จากการขายและค่าบริการรวม
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2561 มีรายได้รวม 18,535.17 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มวัสดุก่อสร้างประมาณ 46 – 49% สัดส่วนรายได้จากกลุ่มวัสดุซ่อมแซมประมาณ 35 – 38% และสัดส่วนรายได้จากกลุ่มวัสดุตกแต่งประมาณ 15 – 17% นอกจากนี้ในไตรมาส 1/62 DOHOME มีรายได้รวม 4,980.24 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 246.68 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้รวม 4,940.12 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 185.63 ล้านบาท เนื่องจากมีสัดส่วนการขายสินค้า House Brand เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าสินค้าประเภท Non-House Brand และในเดือนมิถุนายนปี 2561 ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดคลังสินค้าจำนวน 41,580 ตารางเมตรในจังหวัดปทุมธานี โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการติดตั้งระบบจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติ (ASRS) ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ DOHOME มีการบริหารจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดจำนวนพนักงานในคลังสินค้า และจะช่วยลดต้นทุนในการจัดเก็บและขนส่งสินค้าได้ในอนาคต” นางสลิลทิพกล่าว
นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) หนึ่งในที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า การเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ จะมีการจัดสรรหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 465,040,00 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25.1 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ โดยประกอบไปด้วย การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 456,160,00 หุ้น และการเสนอขายหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิมจำนวนไม่เกิน 8,880,000 หุ้น นอกจากนี้ อาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินจำนวนไม่เกิน 56,160,000 หุ้น รวมทั้งสิ้นจำนวนไม่เกิน 521,200,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 28.1 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังเสนอขายครั้งนี้ โดยคาดว่าจะสามารถเคาะราคาขายหุ้น ไอพีโอภายในวันที่ 23 ก.ค.นี้ และสามารถซื้อขายวันแรกได้ในวันที่ 6 สิงหาคม 2562 โดย บล.สกิกรไทย และบล.ภัทร เป็นผู้จำหน่ายหุ้น โดยมี บล.ไทยพาณิชย์ บล.กรุงศรี และบล.ธนชาต ร่วมจัดจำหน่าย
.