เอสซ๊ แอสเสท ตั้งบริษัทลูก ให้บริการขายให้เช่าต่อห้องพัก ตั้งเป้าปิดการขาย 28 Chidlom ปี 63 แจงขายแล้ว 60 % เตรียม เปิด Open House 7-8 กันยายนนี้ ในราคาเริ่มต้น 320,000 บาทต่อตารางเมตร เผยราคาคอนโดปรับขึ้นปีละ 8-10 % คาดสิ้นปีโอนได้ 3,500 ล้านบาท พร้อมเตรียมเปิด Soft Launch อีก 2 โครงการ รวมมูลค่า 4,400 ล้าน
นายประยงค์ยุทธ อิทธิรัตน์ชัย รองหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านพัฒนาทรัพย์สินแนวสูง บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้เปิดบริษัท บริดจ์ (Bridge) จำกัด โดยบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้น 100 % เพื่อทำหน้าที่ ขายต่อ ปล่อยเช่า ให้กับลูกค้าที่ซื้อโครงการของบริษัท โดยผู้ซื้อโครงการของบริษัทปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยจริง(เรียลดีมานด์) อย่างเช่นโครงการ โครงการ 28 CHIDLOM เป็นคอนโดซุปเปอร์ลักชัวรี่ ฟรีโฮลด์ บนถนนชิดลม เนื้อที่กว่า 3 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 8,000 ล้านบาท ขณะนี้สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ทั้ง 2 อาคาร และมียอดขายมากกว่า 60% คิดเป็นมูลค่า 5,000 ล้านบาท ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเรียลดีมานด์
โครงการ 28 CHIDLOM มี 2 อาคาร แบ่งเป็น The Tower ขนาด 47 ชั้น จำนวน 243 ยูนิต รูปแบบห้องมีให้เลือกทั้งแบบ ห้องขนาด 1-3 ห้องนอน และแบบเพนท์เฮ้าส์ ขนาดพื้นที่เริ่มต้นที่ 40-200 ตารางเมตร ขณะนี้ทำยอดขายได้แล้ว 80 % และอาคาร The Villa ขนาด 20 ชั้น จำนวน 182 ยูนิต รูปแบบห้องมีให้เลือกขนาด 1-3 ห้องนอน ขนาดพื้นที่เริ่มต้นที่ 37-132 ตารางเมตร ขายไปแล้ว 40 % โดยทั้ง 2 อาคารมี Facilities แยกออกจากกันเพื่อรองรับการอยู่อาศัย ทั้งสระว่ายน้ำและ ฟิตเนส โดยที่อาคารThe Tower ยังมี Heated Spa Pool, Steam and Sauna ที่ชั้น 12
ส่วนอาคาร The Villa มี Reading Lounge ที่ชั้น Ground floor อีกด้วย และที่จอดรถทั้ง 2 อาคารรวม 366 ยูนิต โดยจะจัดงานOpen House ในวันที่ 7-8 กันยายนนี้ ในราคาเริ่มต้น 12.5 -70 ล้านบาท หรือ 320,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งเป็นราคาที่มีการปรับราคาขึ้นจากช่วงเปิดตัว 10 % ตั้งเป้ายอดขายในเดือนนี้ไว้ 300 ล้านบาท คาดจะขายหมดในอีก 1 ปีครึ่ง หลังจากนี้ โดยปัจจุบันเพนท์เฮ้าส์ราคา 90-100 ล้านบาทได้ขายหมดทั้ง 2 ยูนิต และโครงการจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป คาดปีนี้จะสามารถโอนได้ 3,500 ล้านบาท จากเป้าโอนคอนโดแนวสูง 6,500 ล้านบาท โดยในเดือนพฤศจิกายนปีนี้จะมีการโอนโครงการ Centric รัชโยธิน มูลค่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งขายไปแล้ว 70 %
นอกจากนี้ ในปีนี้จะมีการเปิด Soft Launch โครงการคอนโดมิเนียมอีก 2 โครงการ โครงการ The Crest Park Residences มูลค่า 3,000 ล้านบาท ร่วมทุนกับ Nishitetsu จากญี่ปุ่น คาดว่าจะเปิดได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2563 และโครงการ Chamber อ่อนนุช เฟส 2 มูลค่าประมาณ 1,400 ล้านบาท
ด้านนายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล(ประเทศไทย) จำกัด กล่าว่า ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2562 มีคอนโดมิเนียมที่เปิดขายอยู่ 26 โครงการ รวม 9,632 ยูนิต มูลค่า 74,870 ล้านบาท พบว่ามีอัตราการขายอยู่ที่ 38 % โดยคอนโดมิเนียมระดับราคา 150,001-200,000 บาทต่อตารางเมตร ขายได้มากที่สุด โดยอยู่ที่ประมาณ 59.78 % รองลงมาอยู่ที่ 200,001-250,000 บาทต่อตารางเมตร ขายได้ 31.3 % ในขณะที่ระดับราคามากกว่า 250,000 บาทต่อตารางเมตรขายได้ประมาณ 28.3 %
ราคาคอนโดมิเนียมที่เปิดในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2562 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 114,365 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้น 44.8 % ในช่วงไตรมาสผ่านมา โดยโครงการที่ตั้งอยู่ใกล้สถานี บีทีเอส จะสูงกว่า โดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 250,000 ล้านบาทต่อตารางเมตร และจะเพิ่มขึ้นในทุกไตรมาส โดยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ราคาคอนโดมิเนียมปรับสูงขึ้น 8-10 % และจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
ในไตรมาสที่ 1 อัตราเฉลี่ยของการขายคอนโดมิเนียมราคาตั้งแต่ 200,000-250,000 บาทอยู่ที่ประมาณ60 % ส่วนราคาสูงกว่า 250,000 บาทต่อตารางเมตร อัตราการขายได้อยู่ที่ 70 % โดยผู้ประกอบการเลือกเปิดโครงการคอนโดมิเนียมระดับราคามากกว่า 250,000 บาท ต่อตารางเมตรในย่านใจกลางเมืองถึง 6,911 ยูนิต คิดเป็น 71.8 % ส่วนไตรมาส 2 อัตราการขายเฉลี่ยอยู่ที่ 38 % โดยคอนโดมิเนียมที่เปิดเป็นแบบ 1 ห้องนอน เป็นแบบที่ขายดีที่สุดโดยมี ถึง 6,925 หน่วย หรือ 57.17 % ของยอดขายทั้งหมดในตลาด
อัตราการดูดซับของคอนโดราคาเฉลี่ยมากกว่า 250,000 บาทต่อตารางเมตรในช่วงครึ่งปีแรก ของปี 2562 ตลาดมีการดูดซับเฉลี่ย 7.2% สำหรับห้องทุกประเภท โดยแบบ 1 ห้องนอนมีอัตราดูดซับสูงที่สุด 7.7 % แบบ 2 ห้องนอน อยู่ที่ 7 % และ 3 ห้องนอนอยู่ที่ 4.6 %