“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” ปลื้มหลังโครงการร่วมทุนเริ่มออกผล Q1 ทยอยกวาดรายได้จาก 2 โครงการแรกแล้วกว่า 1,400 ล้าน เผยโครงการร่วมทุนที่เปิดพรีเซลกว่า 2.8 หมื่นล้าน มียอดขายตุนแล้วกว่า 90% พร้อมทยอยโอนกรรมสิทธิ์ต่อเนื่อง เร่งออกมาตรการใหม่ๆ พร้อมรับมือ COVID-19
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า กลุ่มโครงการร่วมทุน (JV) ของบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้ทยอยร่วมทุนกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่หลายบริษัทมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2560 จนปัจจุบัน บริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนสะสม มูลค่าโครงการรวมกว่า 35,434 ล้านบาท และโครงการโรงแรม และเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ร่วมทุนสะสมอีกกว่า 9,200 ล้านบาท ล่าสุด เมื่อช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ในโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนที่สร้างเสร็จตามแผน 2 โครงการแรก ได้แก่ โครงการไนท์บริดจ์ คอลลาจ รามคำแหง มูลค่าโครงการกว่า 2,054 ล้านบาท และโครงการไนท์บริดจ์ ไพร์ม รัชโยธิน มูลค่าโครงการกว่า 1,680 ล้านบาท โดยปัจจุบัน มียอดการโอนกรรมสิทธิ์เข้ามาแล้วกว่า 1,400 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้ต่อเนื่องต่อในไตรมาส 2
“โครงการที่อยู่อาศัยร่วมทุนที่เปิดขายแล้วของเรา มูลค่าโครงการรวมกว่า 2.8 หมื่นล้านบาท ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาโดยตลอด คิดเป็นยอดขายเฉลี่ยสูงถึงประมาณ 90% ของมูลค่าโครงการ ซึ่งในปี 2563 จะมีโครงการร่วมทุนที่สร้างเสร็จพร้อมส่งมอบจำนวน 4 โครงการ คือ 1. โครงการไนท์บริดจ์ คอลลาจ รามคำแหง มูลค่าโครงการ 2,054 ล้านบาท 2. โครงการไนท์บริดจ์ ไพร์ม รัชโยธิน มูลค่าโครงการ 1,680 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการเริ่มทะยอยรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 1 3. โครงการไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุช มูลค่าโครงการ 2,600 ล้านบาท วางแผนพร้อมส่งมอบภายในไตรมาส 3/63 และ 4. โครงการไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธิน มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท วางแผนพร้อมส่งมอบภายในไตรมาส 4/63 คาดว่ารายได้ซึ่งเป็นผลจากโครงการร่วมทุนจะเข้ามาอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง” นายพีระพงศ์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีโครงการขนาดใหญ่อื่นๆ พร้อมทยอยโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร มูลค่าโครงการ 3,890 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีการโอนกรรมสิทธิ์สะสมแล้วถึงกว่า 3,100 ล้านบาท หรือคิดเป็น 80% ของมูลค่าโครงการ ขณะเดียวกันในส่วนของโครงการบ้านจัดสรรอีกหลายโครงการก็ยังคงทยอยโอนกรรมสิทธิ์ต่อเนื่องตลอดทั้งปี
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ภายใต้สถานการณ์ COVID-19 ยังมีสถานการณ์ที่อำนวยต่อการซื้อที่อยู่อาศัย เนื่องจากรัฐบาลได้มีมาตรการช่วยเหลือผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย การเปิดโอกาสให้สถาบันการเงินช่วยเหลือผู้ซื้อบ้าน จึงทำให้ค่าใช้จ่ายในการผ่อนโครงการที่อยู่อาศัย คุ้มค่ากว่าการจ่ายค่าเช่า ประกอบกับผู้ประกอบการเจ้าต่างๆ ยังคงมีโปรโมชั่นออกมาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นโอกาสดีของกลุ่มเรียลดีมานด์ ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยที่คุ้มค่า ทั้งนี้บริษัทยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและปรับตัวอย่างต่อเนื่อง อาทิการเสริมช่องทางการตลาดอื่นๆ โดยจับมือกับ Lazada และ Shopee ทยอยออกแคมเปญตั้งแต่ช่วงปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมการออกมาตรการสร้างความมั่นใจด้านสุขภาพ ส่งผลให้ในไตรมาส 1 บริษัทมียอดขายแล้วกว่า 4,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นราว 21% ของเป้ายอดขายทั้งปี