บมจ.สิวารมณ์ เรียลเอสเตท “SVR” ปลื้มนักลงทุนสนใจแห่จองซื้อหุ้น IPO SVR ล้นหลาม สะท้อนผลงาน 3 ปีย้อนหลังโตต่อเนื่อง ขณะที่ 9 เดือนแรกของปี 65 มีรายได้รวม 532.45 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิแล้ว 35.99 ล้านบาท
นายรณฤทธิ์ ฐิติสุริยารักษ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินอาวุโส บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “SVR” เปิดเผยว่า นักลงทุนที่ให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของ SVR โดยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพและโอกาสการต่อยอดการพัฒนาโครงการในอนาคต ให้ครอบคลุมเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
โดยจุดแข็งซึ่งเป็นหัวใจหลักของ SVR อาทิ 1.พัฒนาโครงการที่หมุนรอบเร็ว หรือ Quick turnover โดยการใช้กลยุทธ์วิเคราะห์ทำเลตั้งแต่ ในการเลือกซื้อที่ดิน ประกอบกับในแต่ละโครงการมีขนาดที่ดินต่อโครงการไม่เกิน 50 ไร่ ทำให้สามารถกระจายการพัฒนาโครงการได้ในหลากหลายพื้นที่ ซึ่งมีความเหมาะสมกับความต้องการและไม่เกิดอุปทานส่วนเกิน ส่งผลให้โครงการของเราสามารถขายได้หมดภายใน 1 ถึง 3 ปี ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวทำให้ SVR สามารถหมุนรอบในการทำการขายได้เร็ว
- ก่อสร้างเร็ว – ขายเร็ว – ส่งมอบเร็ว เนื่องจากบริษัทฯ ใช้วิธีก่อสร้างด้วยระบบ Precast (พรีคาสท์) เพื่อจะลดระยะเวลาในการก่อสร้าง ทำให้การจ่ายดอกเบี้ยกู้ก่อสร้างมีระยะเวลาสั้นลง ต้นทุนการก่อสร้างของบริษัทฯ ลดลง ส่งผลให้บริษัทมีอัตราการทำกำไรที่ดี ขณะที่ราคาวัสดุก็สามารถล็อกไว้ได้จากจำนวนการก่อสร้างที่มากขึ้น ทำให้บริษัทฯ มีอำนาจในการต่อรองราคาวัสดุกับ Suppliers (ซัพพลายเออร์)
และ 3. “คุ้มค่า” Premium Economy โดยบ้านทุกหลังที่ส่งมอบลูกค้าสัมผัสได้ถึงมีความคุ้มค่า โดยทุกโครงการของ SVR สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง (Real Demand) ภายใต้ความคุ้มค่าน่าอยู่ เพราะนอกจากระดับราคาบ้านที่จับต้องได้ ในทุกรูปแบบราคา 1 ถึง 7 ล้านบาทแล้ว ผู้บริโภคยังได้ที่อยู่อาศัยในระดับพรีเมียม บนพื้นฐานของราคาบ้านที่ประหยัด และตอบโจทย์ทุก Lifestyle ทุก Generation มากที่สุด
นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม ( Joint Lead Underwriter ) บมจ.สิวารมณ์ เรียลเอสเตท เปิดเผยว่า หลังจากการเปิดขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 130 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.20 บาท ระหว่างวันที่ 31 ม.ค.- 2 ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าหุ้น SVR ได้รับความสนใจจากนักลงทุนซื้อหุ้น ขณะเดียวกัน สำหรับเม็ดเงินที่ SVR ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ คิดเป็นจำนวน 286 ล้านบาท บริษัทฯ จะนำไปลงทุนเพื่อต่อยอดการพัฒนาโครงการในอนาคต ให้ครอบคลุมเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดย SVR จะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 นี้
ขณะที่ นายธีรศักดิ์ ทวีปิยมาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมในฐานะเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม(Joint Lead Underwriter) ว่า หลังจากนี้เชื่อว่าหุ้น SVR จะเป็นที่จับตาของกลุ่มนักลงทุน ในฐานะหุ้นอสังหาริมทรัพย์ IPO น้องใหม่ไฟแรง พร้อมทั้งมองว่าภายหลังการเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งทางการเงิน และความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทฯ มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีนโยบายบริหารจัดการอัตราหนี้สินต่อทุน ภายหลัง IPO ให้อยู่ในระดับไม่เกิน 2 : 1 เท่า หนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้กับ SVR ประกอบกับจุดขายภายใต้แนวคิด Best Smart Living ซึ่งเป็นจุดแข็งทั้งแบบบ้าน ทำเลที่มีศักยภาพการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ในราคาขายที่คุ้มค่า โดยนับตั้งแต่ปี 2019 – ปัจจุบัน มีการพัฒนาโครงการแล้ว 9 โครงการ และมีความหลากหลายในทุกพื้นที่ อาทิ จังหวัดสมุทรปราการ บริเวณพื้นที่บางปู, ทำเลนิคมอุตสาหกรรม อย่าง ชลบุรีและระยอง รวมถึงอยู่ระหว่างการขยายไปในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลมากขึ้น ดังนั้นในอนาคตมองว่า SVR มีศักยภาพการเติบโตสูง จึงมั่นใจว่าหุ้น SVR จะไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวังอย่างแน่นอน
ด้านนายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าว ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินว่า ด้วยระดับราคาที่เสนอขาย 2.20 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 13.93 เท่า เทียบจากผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ 1 ต.ค. 64 – 30 ก.ย. 65 จากการมีโครงการที่รับรู้รายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุก ๆ ปี โดยบริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการนั้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ยังไม่มีการจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น